วันพุธที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2561

การเมืองการปกครองของประเทศอินเดีย


ารเมืองรปองปะเทศอินเดีย


ระบอบการเมือง : ประชาธิปไตยระบบรัฐสภา (Parliamentary Democracy)
ระบบการปกครอง: สาธารณรัฐ (Federal Republic) แบ่งเป็น 28 รัฐ และดินแดนสหภาพ (Union Territories) อีก 7 เขต
ประมุขของรัฐ : นาง Mrs. Pratibha Patil เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2550
ประธานวุฒิสภา(ราชยสภา) : นาย Mohammad Hamid Ansari รองประธานาธิบดี ทำหน้าที่(ราชยสภา)ประธานวุฒิสภาโดตำแหน่ง (Chairman of Rajya Sabha)เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2550
ประธานสภาผู้แทนราษฎร (โลกสภา): นาย Somnath Chatterjee (Speaker of Lok Sabha)เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2547

คณะรัฐบาล

นายกรัฐมนตรี: นาย Manmohan Singh เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2547
รัฐมนตรีต่างประเทศ: นาย Pranab Mukherjee เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2549
รัฐมนตรีคลัง: นาย P. Chidambaram เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2547
รัฐมนตรีพาณิชย์: นาย Kamal Nath เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2547


การเมืองการปกครองของอินเดียปัจจุบัน

การปกครองของอินเดียเป็นระบอบประชาธิปไตยระบบรัฐสภา แยกศาสนาออกจากการเมือง แบ่งอำนาจการปกครองเป็นสาธารณรัฐ (Secular Democratic Republic with a parliamentary system) แบ่งเป็น 29 รัฐ และดินแดนสหภาพ (Union Territories)1 อีก 7 เขต
การปกครองของอินเดียมีรัฐธรรมนูญเป็นแม่บท มีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ และประมุขของฝ่ายบริหารตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ แต่อำนาจในการบริหารที่แท้จริงอยู่ที่นายกรัฐมนตรีประธานาธิบดีคนปัจจุบัน คือ นายประณับ มุขะร์ชี (Pranab Mukherjee) เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 ในฐานะประธานาธิบดีคนที่ 13 ส่วนนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันคือนายนเรนทร โมดี (Narendra Modi) เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 15 ของอินเดีย
อินเดียมีความภาคภูมิใจในความเป็นประเทศประชาธิปไตยระบบรัฐสภาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วยจำนวนประชากรกว่า 1.23 พันล้านคน โดยมีผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2557 ถึง 814.5 ล้านคน โดยมีผู้ลงคะแนนจำนวน 541 ล้านคน ซึ่งถือเป็นรากฐานที่สำคัญของการเมืองการปกครองของอินเดียนับตั้งแต่ได้รับเอกราชมาจนถึงปัจจุบัน

  • การปกครองของส่วนกลาง
  • การปกครองระดับรัฐ
  • อาคารรัฐสภาอินเดีย

การปกครองของส่วนกลาง

ฝ่ายนิติบัญญัติ

หรือรัฐสภา (Parliament) อินเดีย เป็นระบบสภาคู่ (Bicameral) ประกอบด้วย ราชสภา (Rajya Sabha) หรือวุฒิสภา รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ราชยสภามีสมาชิกไม่เกิน 250 คน ปัจจุบันมีสมาชิก 245 คน โดย 12 คน เป็นผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดีทุกๆ 2 ปี และอีก 233 คน มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม คือ โดยสภานิติบัญญัติแห่งรัฐต่าง ๆ (Legislative Assembly) หรือวิธานสภา เป็นผู้เลือก ถือเป็นผู้แทนของรัฐและดินแดนสหภาพ สมาชิกราชสภามีวาระการทำงาน 6 ปี โดยทุกสองปีจะมีการเลือกตั้งและแต่งตั้งสมาชิกราชยสภาจำนวน 1 ใน 3 ใหม่
รองประธานาธิบดีอินเดียเป็นประธานราชสภาโดยตำแหน่ง ปัจจุบัน คือนายโมฮัมหมัด ฮามิด อันสารี (Mohammad Hamid Ansari)
โลกสภา (Lok Sabha) หรือสภาผู้แทนราษฎร โลกสภามีสมาชิกได้ไม่เกิน 550 คน โดย 543 คนมาจากการเลือกตั้งโดยตรง (530 คนมาจากแต่ละรัฐ 13 คนมาจากดินแดนสหภาพ) และอีกไม่เกิน 2 คนมาจากการคัดเลือกของประธานาธิบดีจากชุมชนอินเดียเชื้อสายอังกฤษ (Anglo-Community) ในประเทศ สมาชิกโลกสภามีวาระคราวละ 5 ปี เว้นเสียแต่จะมีการยุบสภา สมาชิกโลกสภามีวาระการทำงาน 5 ปี
ปัจจุบัน นางสุมิตรา มหาชัน (Sumitra Mahajan) จากพรรค BJP ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร โดยดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2557
การตรากฎหมายต่างๆ จะต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองสภา





ระบบการเลือกตั้ง

การเลือกตั้งสมาชิกราชสภามีทั้งแบบมีผู้แทนได้หลายคนและแบบที่เขตเลือกตั้งมีผู้แทนได้คนเดียวเป็นการเลือกตั้งทางอ้อมโดยสภานิติบัญญัติแห่งรัฐและดินแดนสหภาพ โดยใช้หลักการตัวแทนตามสัดส่วนหรือคะแนนสูงสุดหนึ่งเดียวแล้วแต่กรณี อินเดียมีการเลือกตั้งสมาชิกโลกสภาครั้งแรกภายหลังได้รับเอกราช เมื่อปี 2495 และมีการประชุมโลกสภาครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2495
การเลือกตั้งสมาชิกโลกสภาเป็นการเลือกตั้งทางตรงโดยใช้เกณฑ์เสียงข้างมากปกติ มีการแบ่งเขตเลือกตั้งทั้งหมด 543 เขตโดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้งของอินเดียเป็นหน่วยงานที่ดูแลเรื่องการจัดการเลือกตั้งทั่วประเทศซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นองค์กรอิสระที่ดำเนินงานด้วยความเป็นกลางและสามารถปฏิบัติหน้าที่โดยปราศจากการแทรกแซงของรัฐบาล
การเลือกตั้งสมาชิกโลกสภาครั้งล่าสุด คือเดือนเม.ย.-พ.ค. 2557 ถือเป็นการจัดการเลือกตั้งที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เนื่องจากมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งสูงถึงร้อยละ 66.4 และมีวิธีจัดการเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพโดยมีการใช้ทะเบียนรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งมีรูปถ่ายประกอบทั่วทั้งประเทศเป็นครั้งแรก ใน 522 เขตเลือกตั้ง (จากทั้งหมด 543 เขตโดยยกเว้นบางเขตในรัฐอัสสัม รัฐนาคาแลนด์ รัฐชัมมูและแคชเมียร์) เพื่อเป็นการป้องกันการทุจริตในการปลอมแปลงบุคคลที่มีสิทธิลงคะแนนเสียง
นอกจากนั้น มีการใช้เครื่องลงคะแนนเสียงเลือกตั้งอิเล็กทรอนิกส์ (electronic voting machine) ทั่วประเทศ จำนวน 1.1 ล้านเครื่องทำให้สามารถทราบผลการเลือกตั้งทั่วประเทศได้ภายใน 24 ชั่วโมงและใช้กำลังเจ้าหน้าที่พลเรือนทั้งหมด 4 ล้านคน เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2.1 ล้านคน เพื่อดูแลรักษาความเรียบร้อยในการเลือกตั้งวาระการประชุมโลกสภา แบ่งเป็น
1) การประชุมพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ (Budget Session) ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม (คลิกชมผลการปฏิบัติ2) การประชุมวาระฤดูฝน (Moonsoon Session) ระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม3) การประชุมวาระฤดูหนาว (Winter Session) ระหว่างเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม

อำนาจหน้าที่ของรัฐสภา

มีอำนาจหน้าที่ในการบัญญัติกฎหมาย กำกับดูแลการบริหารประเทศของฝ่ายบริหาร ผ่านร่างงบประมาณ อภิปรายประเด็นปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์แห่งชาติ หรือมีผลกระทบต่อประชาชน อาทิ แผนการพัฒนา นโยบายแห่งชาติ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อำนาจหน้าที่ที่แตกต่างระหว่างโลกสภาและราชสภา คือ โลกสภากำกับดูแลการบริหารประเทศของคณะรัฐมนตรี และมีอำนาจในการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับการเงินและงบประมาณ ในขณะที่ราชสภาไม่มีอำนาจในการบัญญัติกฎหมายเกี่ยวกับเรื่องการเงิน แต่มีอำนาจในการพิจารณากฎหมายอื่นๆ
โลกสภาและราชยสภามีคณะกรรมาธิการต่างๆ อยู่ภายใต้ โดยแบ่งคณะกรรมาธิการเป็นสองประเภท คือ Standing Committee และ ad hoc Committee คณะกรรมาธิการที่ถือว่ามีความสำคัญ คือ
Committee on Public Accounts มีหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลให้เป็นไปตามข้อตกลงของรัฐสภา (เป็นคณะกรรมาธิการของราชสภา)
Committee on Public Undertakings มีหน้าที่ตรวจสอบรายงานของผู้ตรวจงบประมาณแผ่นดิน (เป็นคณะกรรมาธิการของราชยสภา)
Committee on Estimates มีหน้าที่ตรวจสอบการบริหารงานให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล (เป็นคณะกรรมาธิการของโลกสภา)
อนึ่ง ประธานาธิบดีเป็นผู้มีอำนาจเรียกประชุมสภา เลื่อนการประชุม กล่าวอภิปรายต่อสภา ยุบโลกสภา และประกาศกฎหมายได้ทุกเวลา ยกเว้นในระหว่างสมัยการประชุมของรัฐสภา และตามรัฐธรรมนูญ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสามารถเป็นสมาชิกของโลกสภาหรือราชสภาก็ได้

ฝ่ายบริหาร

ประธานาธิบดี เป็นประมุขของรัฐ และเป็นหัวหน้าคณะผู้บริหาร (Head of Executives of the Union) ซึ่งประกอบด้วยรองประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาล (Council of Ministers) ประธานาธิบดีได้รับการเลือกตั้งทางอ้อมจากผู้แทนของทั้งสองสภา รวมทั้งสภานิติบัญญัติของแต่ละรัฐ ดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี และสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นวาระที่สองได้ คุณสมบัติของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้ คือ ต้องมีสัญชาติอินเดีย มีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี และต้องไม่เป็นสมาชิกโลกสภาหรือวุฒิสภาหรือสภานิติบัญญัติแห่งรัฐใด ๆ
รองประธานาธิบดี ได้รับการเลือกตั้งทางอ้อมจากผู้แทนของทั้งสองสภา ดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี และเป็นประธานราชสภาโดยตำแหน่ง
นาย Hamid Ansari รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีต่ออีกหนึ่งสมัย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2555 และทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อ วันที่ 11 สิงหาคม 2555
นายกรัฐมนตรี เป็นผู้ที่มีอำนาจในการบริหารอย่างแท้จริง ดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากประธานาธิบดี เป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรี (Council of Ministers) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี โดยการเสนอแนะของนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการ (Cabinet Ministers) รัฐมนตรีที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี (Ministers of State – Independent Charge) และรัฐมนตรีช่วยว่าการ (Ministers of State) คณะรัฐมนตรีรายงานโดยตรงต่อโลกสภา
รัฐบาลอินเดียชุดปัจจุบันมี 66 คน ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี 1 คน รัฐมนตรีว่าการ (Cabinet Ministers) 26 คน และรัฐมนตรีที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี (Ministers of State with Independent Charge) และรัฐมนตรีช่วยว่าการ (Ministers of State) 39 คน รวม 66 คน


ฝ่ายตุลาการ

อำนาจตุลาการเป็นอำนาจอิสระ ไม่ขึ้นกับฝ่ายบริหาร มีหน้าที่ปกป้องและตีความรัฐธรรมนูญ ศาลฎีกา (Supreme Court) เป็นศาลสูงสุดของประเทศ ผู้พิพากษาประจำศาลฎีกา มีจำนวนไม่เกิน 25 คน แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี ในระดับรัฐ มีศาลสูง (High Court) ของตนเองเป็นศาลสูงสุดของแต่ละรัฐ รองลงมาเป็นศาลย่อย (Subordinate Courts) ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ อย่างไรก็ตาม อำนาจตุลาการของรัฐอยู่ภายใต้ศาลฎีกาซึ่งมีอำนาจสูงสุด

การปกครองระดับรัฐ

รัฐธรรมนูญอินเดียแบ่งแยกอำนาจระหว่างรัฐบาลกลาง (Government of India) และรัฐบาลรัฐท้องถิ่น (State Government) อย่างชัดเจน รัฐบาลรัฐท้องถิ่นมีอำนาจในการรักษาความสงบเรียบร้อยและรักษากฎหมาย การพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมของรัฐ
โครงสร้างของฝ่ายบริหารในแต่ละรัฐ ประกอบด้วย
ผู้ว่าการรัฐ (Governor) เป็นประมุขของรัฐ ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงจากประธานาธิบดี (ตามข้อเสนอแนะของพรรคการเมืองที่เป็นพรรครัฐบาล) มีอำนาจหน้าที่ในการแต่งตั้งถอดถอนมุขมนตรีและคณะรัฐมนตรีประจำรัฐ แต่งตั้งอัยการประจำรัฐ เรียกประชุมและยุบสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ ให้ความเห็นชอบและยับยั้งร่างกฎหมายของรัฐ มีอำนาจลดโทษและให้อภัยโทษ
รัฐบาลแห่งรัฐ (State Government) ประกอบด้วยมุขมนตรี (Chief Minister) เป็นหัวหน้าและเป็นผู้ใช้อำนาจบริหารภายในรัฐ และคณะรัฐมนตรีประจำรัฐ (State Ministers) ทั้งนี้ รัฐบาลแห่งรัฐจะมาจากพรรคการเมืองที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งภายในรัฐ หรือได้รับการแต่งตั้งจากสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ
สภานิติบัญญัติแห่งรัฐในรัฐพิหาร รัฐชัมมูและแคชเมียร์ รัฐกรณาฏกะ รัฐมหาราษฏระ และรัฐอุตตรประเทศ มีสองสภา คือ Legislative Council และ Legislative Assembly ในรัฐอื่นๆ ที่เหลือ มีเพียงสภาเดียว คือ Legislative Assembly
Legislative Council (ทำหน้าที่คล้ายราชสภา) มีสมาชิกไม่มากกว่าหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิก Legislative Assembly และไม่น้อยกว่า 40 คน สมาชิกหนึ่งในสามได้รับเลือกตั้งโดยสมาชิก Legislative Assembly หนึ่งในสามมาจากผู้ดำรงตำแหน่งในองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น หนึ่งในสิบสองเป็นอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิในสถานศึกษาของรัฐ ที่เหลือเป็นผู้ทรงคุณวุฒิในด้านต่างๆ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากผู้ว่าการรัฐ
Legislative Assembly (ทำหน้าที่คล้ายโลกสภา) มีสมาชิกได้ไม่เกิน 500 คน และไม่น้อยกว่า 60 คน ได้รับการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชนตามการแบ่งเขตการเลือกตั้ง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แปงกอง ทะเลสาบแห่งฝันและศรัทธา

แ ป ง ก อ ง ...ทะเลสาบแห่งฝันและศรัทธา เป็นสถานที่ ที่มีทัศนียภาพของสองฤดูที่มีความสวยงามที่แตกต่างกันไป อยากรู้ว่าสวยงามขนาดไหน ทำ...